ทำกันได้ลงคอ : 5 นักเตะที่รักสโมสรแทบตายแต่สุดท้ายโดนเขี่ยทิ้งแบบไม่ใยดี

1.เดวิด เบ็คแฮ่ม (จาก แมนฯ ยูไนเต็ด ไป เรอัล มาดริด)

กรณีของ เบ็คแฮ่ม อาจจะไม่ใช่เคสที่ร้ายแรงจนสามารถใช้คำว่า "หักหลัง" ได้เต็มปากมากนัก ทว่าหนึ่งในเจ้าของเสื้อหมายเลข 7 ที่คลาสสิคที่สุดในโลกคือนักเตะที่ต้องจำใจเก็บข้าวของย้ายจากโรงละครแห่งความฝันไปโดยไม่ได้มาจากความสมัครใจของเขาเอง

เบ็คแฮม นั้นเป็นเด็กปั้นจากทีมอคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาลงเล่นให้กับปีศาจเเดงมาตั้งแต่ชุดเยาวชนเเละเป็นหนึ่งในคลาส ออฟ '92 อันโด่งดังร่วมกับ ไรอัน กิ๊กส์,พอล สโคลส์ และ แกรี่ เนวิลล์

11 ปีในสังเวียนโอลด์ แทรฟฟอร์ด เบ็คแฮ่ม ร่วมกวาดทุกโทรฟี่มากมายจนป่วยการที่จะนับ พรีเมียร์ลีก 6 สมัย,เอฟเอ คัพ 2 สมัย,และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีก 1 สมัย คือส่วนหนึ่งที่เทพลูกนิ่งรายนี้

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในปี 2003 ทำให้เขาต้องแตกหักกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือที่เป็นผู้ปลุกปั้นของเขา การที่เบ็คแฮมเริ่มใช้ชีวิตเยี่ยงซูเปอร์สตาร์หลังจากแต่งงานกับ วิคตอเรีย อดัมส์ สร้างความไม่พอใจให้กับ เฟอร์กี้ และทั้งคู่ก็ระหองระแหงกันมาตลอดหลังจากนั้น

ในเกมที่พบกับ อาร์เซน่อล เฟอร์กี้ ไม่พอใจฟอร์มการเล่นของเบ็คแฮมอย่างแรงจนเกิดเหตุการณ์สตั๊ดบินเข้าปลายคิ้วของดาราอันดับ 1 ของทีม และแน่นอนว่านั่นคือฟางเส้นสุดท้ายของเบ็คแฮมกับปีศาจเเดง และหลังจากนั้นไม่นานนักเขาก็ถูกขายให้กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์

2.เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ (จาก อินเตอร์ ไป กาลาตาซาราย)

 
ไม่น่าเชื่อว่าจอมทัพผู้พาทีมคว้าแชมป์ยุโรปที่รอคอยจะต้องเจอกับการปฎิบัติที่แสนเจ็บปวดเช่นนี้
 สไนจ์เดอร์ นักเตะกำลังสำคัญของ อินเตอร์ มิลาน ในยุคที่มี โจเซ่ มูรินโญ่ เป็นคนคุมทีม เขาผสานงานกับนักเตะระดับท็อปอย่าง ซามูเอล เอโต้,กาเบรียล มิลิโต้,ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ ฯลฯ กวาด 3 แชมป์ในฤดูกาล 2009-10 อย่างยิ่งใหญ่
 อย่างไรก็ตามหลังจากที่ มูรินโญ่ ลาออกจากตำแหน่งและเปลี่ยนกุนซือเป็น ราฟา เบนิเตซ ก่อนจะมาเป็น อันเดรีย สตรามัชโชนี ซึ่งการเปลี่ยนนายใหม่ครั้งนี้เป็นเหมือนการเข้ามาทำทีมเป็นหุ่นเชิดของ มาร์โก บรังก้า ผู้อำนวยการสโมสรของงูใหญ่มากกว่า 

อินเตอร์ ยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้กับ สไนจ์เดอร์ ด้วยค่าเหนื่อยที่น้อยกว่าเดิม และเจ้าตัวตอบกลับว่า "ไม่"  ซึ่งนั่นก็เข้าล็อคทันที สตรามัชโชนี่ ไม่ส่งเขาลงสนามด้วยการให้เหตุผลว่าเขาผ่านจุดสูงสุดของอาชีพค้าแข้งไปแล้วซึ่งการกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการบีบให้ย้ายทีมดีๆนี่เอง

3.อิเคร์ กาซิยาส (จาก เรอัล มาดริด ไป ปอร์โต้)

การแถลงข่าวย้ายทีมด้วยน้ำตาทำให้เรารู้ว่าลึกๆแล้ว กาซิยาส ต้องการอะไรกันแน่
 
ตำนานนายทวารของ เรอัล มาดริด ผู้พาทีมกวาดทุกแชมป์ที่ลงเล่นตลอดช่วงเวลา 16 ปีที่สวมยูนิฟอร์มของ "ราชันชุดขาว" ได้รับการปฎิบัติอย่างเหี้ยมโหดจากสโมสรในดวงใจของเขา 
 
ในช่วงเวลาที่ โจเซ่ มูรินโญ่ คุมทีม กาซิยาส ก็โดนดร็อปเป็นตัวสำรองและมีการยืนยันว่า มูรินโญ่ ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะไม่ใช้งานเขาในฐานะมือ 1 ของทีมเเน่นอน ...และเขาก็ทำจริง เดอะ สเปเชียล วัน จัดการดัน ดิเอโก้ โลเปซ นายทวารสำรองขึ้นมาทำหน้าที่แทนกาซิยาส และหลังจากนั้นการแตกหักก็เริ่มเกิดขึ้น
"ผมไม่ลงรอยกับเขาเพราะไปคุยกับคนของบาร์เซโลนาเพื่อลดความตึงเครียดในทีมชาติ" กาซิยาส เปิดใจถึงเหตุการณ์บาดหมางกับยอดกุนซือของทีมในภายหลัง .นอกจากนี้อีกหนึ่งงูพิษในสายตาของพ่อแม่ของ กาซิยาส ก็คือ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร

มีรายงานว่าแม้จะมีการบีบให้ กาซิยาส ย้ายทีมได้แต่ เปเรซ ก็พร้อมจะซ้ำตำนานของทีมให้ตายด้วยการไม่ขายให้กับทีมใหญ่ๆเพราะไม่อยากให้เขาประสบความเร็จในชีวิตค้าแข้งช่วงเวลาที่เหลืออีกด้วย นั่นคือเหตุผลที่เขาย้ายไปอยู่กับ เอฟซี ปอร์โต้ ทีมจากโปรตุเกสแทนที่จะเป็นทีมยักษ์ใหญ่ทีมอื่นๆในยุโรป

4. ชาบี อลอนโซ่ (จาก ลิเวอร์พูล ไป เรอัล มาดริด)

คิดได้ก็สายไปนั่นคือสิ่งที่ตอกย้ำ ราฟาเอล เบนิเตซ ในสิ่งที่เขาปฎิบัติต่อ 1 มิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลกอย่าง ชาบี อลอนโซ่
 
อลอนโซ่ คือนักเตะคนสำคัญของทัพหงส์เเดงชุดแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในค่ำคืนมหัศจรรย์ที่อิสตันบูล นอกจากนี้ เขายังเป็น 1 ใน 3 แผงมิดฟิลด์ระดับมงกุฎแพลตินั่มร่วมกับ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และยังเป็นที่รักของแฟนบอลหงส์เเดงอีกด้วย 
 
อย่างไรก็ตามในซัมเมอร์ปี 2009 ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือของ ลิเวอร์พูล กลับทำเรื่องช็อคทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรด้วยการขายมิดฟิลด์ชาวสเปนให้กับ เรอัล มาดริด แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยด้วยค่าตัวกว่า 30 ล้านปอนด์ ส่วนเหตุผลที่เขาถูกขายก็ไม่ต้องมโนอะไรให้มากมายเมื่อเจ้าตัวได้เขียนลงในอัตชีวประวัติของเขาอย่างชัดเจนเลยทีเดียวว่า ราฟา พยายามขายเขาพ้นทีม
"ราฟาเข้ามาหาผมและบอกให้ผมรู้อย่างชัดเจนว่าเขาอยากได้เงินไปซื้อนักเตะคนอื่นๆที่เขาต้องการ และการที่จะได้เงินก้อนนั้นทางเดียวคือการขายผมเป็นอันดับแรก" อลอนโซ่ เล่าในภายหลัง หลังจากนั้น อลอนโซ่ ก็ไปอยู่กับ มาดริด พร้อมทิ้งแผลในใจไว้ให้ เบนิเตซ ขบคิดมาจนถึงทุกวันนี้....

5. โจ ฮาร์ท (จาก แมนฯ ซิตี ไป โตริโน่)

คงเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากที่ผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีมชาติอังกฤษจะไม่มีสิทธิ์พิสูจน์ตัวเองว่าดีพอกับสโมสรที่เขาร่วมหัวจมท้ายมาถึง 8 ปี 
 
แมนฯ ซิตี้ แต่งตั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือผู้ยิ่งใหญ่จากการคว้าแชมป์ทั้งในสเปนและเยอรมันเข้ามาคุมทีมในซัมเมอร์ที่ผ่านมา แน่นอนว่ากุนซือระดับนี้ย่อมมีปรัชญาฟุตบอลของเขาที่ชัดเจนและปรัชญาของ เป๊ป คือ ทุกคนในทีมต้องพร้อมเล่นเกมบุกตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่ผู้รักษาประตู
 
ทันทีที่ เป๊ป เข้ามาเขาพูดจาอย่างดิบดีว่านักเตะยังคงอยู่ในแผนการทำทีมของเขา อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาปฎิบัติกลับเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม ...  "ผมยึดมั่นกับเรื่องการขึ้นเกม เมื่อคุณมีการตั้งเกมที่ดีจากผู้รักษาประตูและกองหลัง ที่เหลือก็จะมาอย่างไหลลื่น" นี่คือสิ่งที่อัจฉริยะชาวสเปนกล่าวไว้ และหลังจากนั้น ฮาร์ท ก็โดนเป๊ปดรอปเป็นตัวสำรองตั้งแต่เกมแรกของฤดูกาล 
 
และไม่ทันที่ ฮาร์ท จะเตรียมใจอะไรได้ทัน วันที่ 25 สิงหาคม ปี 2016 แมนฯ ซิตี้ ก็ได้ เคลาดิโอ บราโว เข้ามาเป็นนายทวารคนใหม่ หลังจากนั้นเขาก็รู้ตัวทันทีว่าการแย่งชิงเบอร์ 1 ของเขาจบลงอย่างเป็นทางการเเล้ว 
 
5 วันถัดมา ฮาร์ท โดนส่งให้ โตริโน่ ยืมตัวว่ากันว่าแท้จริงแล้วมีหลายทีมในพรีเมียร์ลีกสนใจในตัวเขา แต่เป็นฝั่งเรือใบสีฟ้าที่ไม่ต้องการให้เขาเป็นหอกข้างแคร่จึงปฎิเสธทุกข้อเสนอจากลีกผู้ดีไป.... 
R